กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ จากสภาพบีบรัดทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะโรคระบาดทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ บางคนกำลีงมองว่าจะรอดจากภาวะนี้ได้อย่างไร เทรนด์เป็นเรื่องนึงที่ทำให้เรามีไกด์นำทางว่าอะไรน่าทำ อะไรไม่น่าทำ อย่างไรก็ตามเทรนด์ก็จะมีหลายเรื่องบางเรื่องอาจจะเกี่ยวกับเรา แต่บางเรื่องก็ไม่ แนวโน้มผู้บริโภค – Consumer Trends ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่เราควรจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้บริโภควันนี้
“สิ่งที่น่าอัศจรรย์จะเกิดขึ้นคุณจะฟังผู้บริโภค” Amazing things will happen will you listen to the consumers. – Jonathan Midenhall – CMO Airbnb
ดังนั้นการเรียนรู้เรื่องแนวโน้มผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในวันนี้ ก็จะทำให้เราเข้าใจผู้บริโภคได้มากขึ้น เห็นช่องทางที่จะเข้าไปทำธุรกิจให้จับใจผู้บริโภคได้ดีขึ้น
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แนวโน้มผู้บริโภค – Consumer Trends คืออะไร
พฤติกรรมใหม่ ทัศนคติหรือความคิดเห็นใหม่ ความคาดหวังใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างพื้นฐาน หรือกระทบแนวโน้มของผู้บริโภคได้ จากสถานการณ์ปีทีผ่านมาจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ผลกระทบที่เด่นชัดสุดที่นักวิจัยตลาดคาดการณ์ว่าพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นระหว่างการระบาดของไวรัสโคโรนาจะยังคงอยู่ คือ เราเหมือนจะพูดน้อยลง และด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายในโลกตอนนี้ ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป
9 แนวโน้มผู้บริโภคที่เกิดขึ้น จากสถานการณ์วันนี้
1. เมื่อการไลฟ์ รวมเข้ากับการช้อปปิ้ง Livestreaming + Shopping = Shopstreaming
จากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รวมทั้งสถานการณ์โรคระบาดวันนี้ การไลฟ์สรีม (Livestreaming) เพื่อขายสินค้ามาถึงจุดที่เรียกว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเสนอขายของวันนี้
Viya หรือ Huang Wei คือ นัก Shopstreaming ชาวจีนที่ประสบความสำเร็จวันนี้ สิ่งที่น่าสนใจของนัก Shopstreaming สาวคนนี้คือ เธอมีผู้ชมสูงเป็นประวัติการณ์มากกว่า 37 ล้านคนมากกว่าตอนจบของ “Game of Thrones” หรือรางวัลออสการ์ แถมสร้างยอดขายในวันคนโสดจีน 11.11 ในปีที่ผ่านมาได้สูงถึง 3 พันล้านหยวนหรือประมาณ 13,000 ล้านบาท จนมีผู้ขนานนามเธอว่าเป็น “ผู้ที่สามารถขายได้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก”
เธอยังมีฉายาในหมู่แฟนคลับว่า “Dora-Viya” คำนี้มีที่มาจาก Doraemon บวกกับชื่อของเธอ เพราะต้องการสื่อว่าเธอมีสินค้า/สิ่งของทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ ประหนึ่งโดราเอม่อนที่มีกระเป๋าวิเศษ เพราะ Viya ขายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องสำอางค์เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงออด แต่เธอยังขายรถยนต์บ้านและจรวดอีกด้วย การไลฟ์สดของเธอเป็นการผสมผสานระหว่างเทรนด์เทคโนโลยีหลายอย่างที่มีในปัจจุบัน
2. ปลูกผักของเราเอง Growing our own vegetables
จากสังคมเมืองที่ขยายตัวขึ้น แนวโน้มการรักสุขภาพที่มากขึ้น รวมทั้งปัญหาของโรคระบาดในวันนี้ ทำให้แนวโน้มการทำฟาร์มในเมืองหรือการทำฟาร์มแนวตั้งกำลังเพิ่มขึ้น และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ช่วยให้ผู้คนหันมาใช้เครื่องมือเกษตรกรในเมืองเพื่อช่วยให้พวกเขาปลูกผลผลิตได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลง
ทำให้เกิดการทำฟาร์มในเมืองให้มีความยั่งยืนและสะอาด เกษตรกรในเมืองปลูกผักของตนเองในพื้นที่ในร่มที่ปราศจากยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีกำจัดวัชพืช มีทั้งที่ปลูกเพื่อใช้ในครอบครัว และแบ่งขาย
Agricool “Local, healthy, sustainable” บริษัท start-up ที่ฝรั่งเศษ – โดยทำเกษตรในเมืองในรูปสวนแนวตั้ง (vertical garden) ปลูกผักและสตรอเบอร์รี่ในตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนที่จะขายผลผลิตในร้านค้าภายในระยะ 15 กม. โดยสินค้าหลักคือ สตรอเบอร์รี่ ที่ปลูกโดยใช้น้ำน้อยกว่าปกติถึง 90% ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง แถมได้ปริมาณน้ำตาลเพิ่มขึ้น 20% และให้วิตามิน C มากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับสตรอเบอร์รี่ที่วางขายใน supermarket
3. การพบแพทย์ตอนนี้กำลังก้าวสู่ระบบดิจิทัล Seeing the doctor is now going digital
ทุกวันนี้โลกยังคงต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อเราทุกคน โลกดิจิทัลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจในที่นี้รวมถึง “การดูแลสุขภาพ”
เพราะเกิดวัฒนธรรมใหม่ในการเว้นระยะห่าง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการไปที่สาธารณะ ซึ่งเป็นมาตรการในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด ทำให้ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพนำโซลูชันด้านดิจิทัลมาใช้ : แพทย์ให้คำปรึกษาตรวจสอบและรักษาผู้ป่วยทางออนไลน์
Vocalis Health เป็น Start up ที่ใช้เสียงในการตรวจสอบสุขภาพ ซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบริษัท ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถคัดกรองและเฝ้าติดตามผู้ป่วยที่มีโรคที่ส่งผลต่อเสียงหลายชนิด รวมถึงโรคทางเดินหายใจเรื้อรังหรือโรคหัวใจหรือภาวะซึมเศร้า
Tele-ICU เป็นศูนย์ติดตามผู้ป่วยระยะไกลแบบรวมศูนย์ ซึ่งช่วยให้แพทย์นอกสถานที่สามารถโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ข้างเตียงเพื่อปรึกษาเรื่องการดูแลผู้ป่วย
มันทำงานโดยการใช้การประชุม A/V และสตรีมข้อมูลแบบเรียลไทม์ของข้อมูลผู้ป่วยจากอินเทอร์เฟซที่หลากหลาย แพทย์ที่ทำงานจากศูนย์ดูแลในนิวยอร์กซิตี้ สามารถดูแลผู้ป่วยในซีแอตเทิลได้อย่างรวดเร็ว ทั้งกลางวันและกลางคืน และผู้ป่วยประหยัดเวลาไม่เสี่ยงต่อการติดโรคระบาด รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
4. บ้านที่ถูกออกแบบที่ดีสำหรับตัวเรา Design a home that is good for you
เริ่มมีการพบว่าที่อยู่อาศัยสามารถสร้างปัญหากับผู้อยู่ได้ เช่น การระบายอากาศที่ไม่เพียงพอ ฝุ่นผงที่มาจากใยแก้ว สารปนเปื้อนทางชีวภาพ เสียงจากการจราจร แสงสว่างที่ไม่ดี เชื้อรา ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ที่อยู่อาศัยอาจจะยังไม่สนใจมากนัก แต่จากภาวะโรคระบาดที่เกิดขึ้นทำให้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้น ผู้คนจึงใส่ใจกับความเป็นอยู่ของตนเองมากยิ่งขึ้น
ในปี 1990 ได้มีมาตรฐานใหม่ของการก่อสร้างได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมเช่นมาตรฐาน BREEAM และ LEED
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีการนำมาตรฐานใหม่มาใช้นั่นคือ WELL Building Standard – เทรนด์มาตรฐานอาคารใหม่ที่เป็นห่วงสุขภาพของผู้อาศัยอย่างแท้จริง อีกหนึ่งมาตรฐานระดับสากล เทรนด์ของอาคารยุคใหม่ที่จะยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ ให้หันมาใส่ใจสุขภาพของผู้ใช้อาคารกันอย่างจริงจัง
7 มาตรฐานเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัยของ WELL Building Standard cr. Thinkofliving
- อากาศ (Air) ที่อยู่อาศัยหรืออาคาร ต้องมีอากาศที่บริสุทธิ์ ไม่มีฝุ่น PM2.5 และคาร์บอนไดออกไซด์
- น้ำ (Water) น้ำที่ใช้ต้องมีคุณภาพสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารเจือปน
- สาธารณูปโภค (Nourishment) การมีอาหารที่สดใหม่ มีการปรุงอย่างถูกสุขลักษณะ และเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
- แสง (Light) มีการออกแบบแสงสีภายในห้องที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการนอนหลับและการพักผ่อนที่มีคุณภาพ
- การออกกำลังกาย (Fitness) มีพื้นที่ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวสม่ำเสมอและเพียงพอต่อความต้องการ
- สภาพแวดล้อม (Comfort) การมีสภาพแวดล้อมที่ดี เงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวน
- จิตใจ (Mind) เป็นสถานที่ทำให้เกิดความผ่อนคลายสบายใจ อาจใกล้ชิดธรรมชาติหรือทำให้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น
5. ความพิเศษคือการที่คนสื่อสารกับคน The premiumization of human contact
เพราะวันนี้การใช้เทคโนโลยีแพร่กระจายไปเกือบทุกด้านในชีวิตประจำวันของเรา สมาร์ทโฟนที่เราทุกคนมีอยู่ในกระเป๋าตอบสนองความต้องการของเราได้หลายอย่าง ตั้งแต่การสื่อสารการสั่งอาหารเสื้อผ้าการเดินทางไป จนถึงการนัดหมายการนัดหมายกับแพทย์ หรือโค้ชของเรา และการสอบหรือเพื่อความบันเทิง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Voice Assistant – คำสั่งเสียง ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ว่าจะรวมอยู่ในสมาร์ทโฟนของเราหรือแบบสแตนด์อโลน เช่น Alexa ของ Amazon สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค (การช้อปปิ้งด้วยเสียง) ซึ่งก่อให้เกิดการค้ารูปแบบใหม่นั่นคือ voice commerce
62% ของผู้ที่ใช้การสั่งงานด้วยเสียง (voice-activated speaker) เป็นประจำกล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะซื้อบางอย่างผ่านวิธีการสั่งงานด้วยเสียงอีกในเดือนหน้า และ 44% บอกว่าพวกเขาสั่งซื้อสินค้า (ของชำ หรือของใช้ในบ้าน ฯลฯ ) อย่างน้อยหนึ่งครั้งติ่สัปดาห์
การใช้เทคโนโลยีสะดวก และช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์เป็นสิ่งที่เราปรารถนาและในที่สุดก็ต้องรักษาสุขภาพจิตให้สมดุล
วันนี้เราพบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกล่าวว่าพวกเขาเชื่อมต่อออนไลน์อยู่ตลอดเวลา นั่นคือสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพการนอนหลับ และความสัมพันธ์ เนื่องจากเรามีแนวโน้มที่จะวิตกกังวลและซึมเศร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ไม่ว่าจะรายได้น้อยหรือรายได้สูงเหมือนกัน มีการพบว่า คนที่มีระดับรายได้สูงยังเกี่ยวข้องกับความชอบในการบริการลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยมนุษย์ 52% ของผู้มีรายได้สูงกล่าวว่าโดยทั่วไปแล้วพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจแบบตัวต่อตัวเทียบกับ 42% ของผู้มีรายได้ปานกลางและ 41% ของผู้มีรายได้ปานกลาง จึงเป็นที่มาของแบรนด์นำเสนอการบริการลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยมนุษย์ เป็นบริการระดับพรีเมียม ถึงแม้ว่าการพูดคุยกับแชทบอทมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการพูดคุยกับตัวแทนที่เป็นมนุษย์
6. การเคลื่อนไหวของสื่อที่อยู่นอกบ้าน Digital OOH for consumers in motion goes underground
ปัจจุบันนี้พบว่า 48% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบล็อกโฆษณาแบรนด์ต่างๆ รวมทั้งผู้ที่มีรายได้สูงก็ไม่สนใจสื่อโฆษณาออน์ไลน์ ดูเหมือนว่า การโฆษณานอกบ้านหรือ OOH อาจเป็นวิธีการหนึ่งในทางแก้ปัญหานี้ได้
Out-of-Home คือสื่อที่อยู่นอกบ้านทุกชนิด ไม่ใช่แค่อยู่ outdoor หรือป้ายโฆษณากลางแจ้ง ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาที่อยู่ในลิฟต์, ป้ายโฆษณาในสนามบิน ก็นับเป็นสื่อนอกบ้าน
เพราะความเปลี่ยนแปลงของสื่อนอกบ้าน คือ การผนวกเอา technology และ devices เข้ามาทำให้สื่อนอกบ้านน่าสนใจมากขึ้น
ในอังกฤษ OOH ที่เป็นวิดีโอสามารถเข้าถึงผู้คนมากกว่า 32.5 ล้านคนในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของประชากร และการเข้าถึงการแพร่ภาพซึ่งในอดีตมีเพียงทีวีเท่านั้นที่สามารถนำเสนอได้
56% ของผู้ที่เดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือรถไฟใต้ดินกล่าวว่าพวกเขาจำโฆษณาบิลบอร์ดในสัปดาห์ที่แล้วได้ซึ่งสูงกว่าจำนวนรถไฟ (44%) และนักเดินทางด้วยรถบัส (47%) ที่กล่าวว่า เหมือนกัน.
35% ของนักเดินทางโดยรถไฟใต้ดินกล่าวว่า พวกเขาค้นหาบางสิ่งและทำการซื้อในภายหลังหลังจากเห็นโฆษณาบิลบอร์ดในสัปดาห์ที่แล้ว
7. วันนี้สั่งอาหารผ่านรถก็ได้ The commuting consumer “Car, order three chicken wings, a pound of cheese and one milk bottle!”
วันนี้คำสั่งเสียง – voice assistants เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่สมาร์ทโฟน ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้เราสามารถสั่งอาหารเย็นโดยใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียงในรถ วันนี้รถยนต์ที่มีการเชื่อมต่อตัวช่วยคำสั่งเเสียงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
BMW ได้รวม Alexa ของ Amazon เข้ากับรถยนต์ของพวกเขา และ Visa ให้บริการ Visa Token Service ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลในรถยนต์ซึ่งช่วยให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
8. วันที่ต้องมีจุดยืนที่เด่นชัด ‘Cancel culture’ or ‘call-out culture’
Mintel พบว่า แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในสังคมที่เรียกร้องความหลากหลายในโลกธุรกิจ และเรียกว่า “call-out-culture” นั่นก็คือ ผู้บริโภคต้องการให้ บริษัท และแบรนด์ยืนหยัดเพื่อบางสิ่งบางอย่าง
ในปี 2018 พนักงาน Google 20,000 คนเดินออกจากงานเพื่อประท้วงการจัดการข้อกล่าวหาการล่วงละเมิดทางเพศของ บริษัท ทำให้เกิดการเปลี่ยนคนงานด้านเทคโนโลยีให้เป็นนักเคลื่อนไหว
สำหรับบางแบรนด์การเปลี่ยนแปลงมาจากการที่พนักงานกดดันฝ่ายบริหารไม่ใช่ในทางอื่น แบรนด์ต่างๆได้รับการกระตุ้นให้ปรับปรุงกฎ และข้อบังคับเพื่อให้พนักงานทุกคนมีความเท่าเทียม และโปร่งใส
Black Lives Movement ขยายไปทั่วโลกทำให้ผู้บริโภค คาดหวังว่าสถานที่ทำงานจะมีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น บางแบรนด์ถูกเรียกร้องให้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว เพียงเพื่อทำเครื่องหมายในช่องอื่นหรือเพื่อไม่ให้ใครเห็น
9. ผู้บริโภคในฐานะเจ้าของข้อมูล Consumers as owners of their data
วันนี้เราจะพบว่า กฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของข้อมูลของตนมากยิ่งขึ้น และค่อยๆตระหนักว่าข้อมูลนั้นมีคุณค่าทางการค้า
ดังนั้นการจะได้ข้อมูลส่วนบุคคล อาจจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางประการ เช่น
– รับค่าตอบแทนทางการเงินสำหรับข้อมูล
– ได้รับการบริการ หรือประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
– สามารถแบ่งปันข้อมูลเฉพาะกับผู้ที่พวกเขาเชื่อถือ หรือไม่แบ่งปันข้อมูลกับบุคคลที่สามภายใต้เงื่อนไขใด ๆ
THE BOTTOM LINE
9 แนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ในพฤติกรรมผู้บริโภค บางอย่างอาจจะพึ่งเริ่มในเมืองไทย บางอย่างอาจจะมีไปบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามการนำมาประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจของคุณได้ นั่นแหละเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตามมีคำกล่าวว่า “ตอนนี้โลกเต็มไปด้วยข้อมูล และเราสามารถมองเห็นผู้บริโภคได้หลายวิธีที่ชัดเจนขึ้น”
“The world is now awash in data and we can see consumers in a lot clearer ways.” – By Max Levchin, Co-founder of PayPal
ดังนั้นการเลือกใช้ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ
ต้องการคำปรึกษา หรือมีคำถาม ติดต่อที่ Comment, Messenger หรือ E-mail : 527may27@gmail.com ได้เลยนะคะ
#527 #brandnode #marketing #research #SME #brand #branding #consultant #knowledge #rebrand #marketing #consumerinsight #แบรนด์ #วิจัย #การตลาด #การสร้างธุรกิจ