ก่อนหน้านี้การเป็นเจ้าของธุรกิจว่ายากแล้ว วันนี้ต้องขอบอกว่ายากกว่า เพราะมีทั้งหลุมพราง และขวากหนามที่ต้องฝ่าฟันอยู่มากมาย และยังไม่พอด้วยสถานการณ์ทำให้บางคนถึงไม่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ก็ต้องลุกออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจเพราะสถานการณ์บังคับ แต่เชื่อว่าเจ้าของธุรกิจทุกคนคงมีคำถามอยู่ในใจว่าทำยังไงให้ธุรกิจตัวเองรอด และที่สำคัญทำกำไรได้
ขออ้างผลวิจัยจาก TMB SME Insight เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงว่า “ใน 5 ปีที่ผ่านมามีธุรกิจเกิดใหม่ 70,000 รายต่อปี แต่มีเพียง 50% เท่านั้นที่ก้าวผ่านปีแรกไปได้” จากที่เคยรู้มาอีกประมาณ 30 – 40% จะไม่ผ่านปีที่ 2 ตรงนี้จะพยายามสรุปว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตามอย่ามองว่าเราจะเป็น 90% ที่ไม่สามารถรอดไปได้ แต่อยากให้เห็นว่าเราจะเป็น 10% ที่ต้องรอดอย่างไรต่างหาก ดังคำกล่าวที่ว่า
“ธุรกิจขนาดเล็ก มักจะเป็นผู้ที่สามารถสร้างสรรค์วิธีการ หรือโอกาสบางอย่างที่นำเสนอ ความแตกต่างในการดำเนินธุรกิจวันนี้
“A small business is an amazing way to serve and leave an impact on the world you live in.”
-Nicole Snow
มีเรื่องแปลกแต่จริงอยู่บางอย่างว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักจะขวนขวายที่อยากได้ความรู้เพิ่มเติม จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ด้วยเงื่อนไขความเป็น SME – ธุรกิจขนาดเล็ก ทำให้พอจะทำจริงตัวเองกลับใช้ข้ออ้างตลอดเวลาว่า “ฉันเป็นแค่ SME ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะไม่ต้องทำทั้งหมดแบบที่เคยเรียน หรือได้ยินมา แต่ต้องประยุกต์ว่าต้องทำอย่างไรให้เข้ากับกิจการที่มีอยู่ของตัวเองตั้งหาก เพราะ”บริษัทที่ยิ่งใหญ่มากมายที่เกิดจากบริษัทเล็ก” “A big business starts small.”-Richard Branson
มารู้จักหลุมพรางกัน ก่อนที่คุณจะตกไปในหลุมเอง
>> ไม่เชื่อว่าต้องทำแบรนด์จริง หรือถึงเชื่อก็ทำไม่ครบ ว่อกแวก
_ตั้งชื่อผิดตั้งแต่ต้น ถ้าตั้งใจจะทำธุรกิจให้คิดถึง ชื่อแบรนด์ของตัวเองให้ดี เพราะชื่อที่ไม่ดีสามารถแก้ไขได้อย่างเดียว คือเปลี่ยนแล้วเริ่มต้นใหม่ บางคนพยายามอย่าตั้งชื่อให้น่ารัก ซาบซึ้ง หรือเพ้อฟันเกินไป เพราะคิดว่ามันดูดี เตะตา แต่พอจะก้าวต่อไป ไปต่อไม่ได้ เพราะไม่ช่วยเสริมสร้างความสำเร็จ หรือกูไม่น่าภาคภูมิใจให้กับตัวเองได้ รวมทั้งบางชื่อก็ดูเลิศหรูอลังการ จนแทบจำไม่ได้
ตั้งสติโดย : ดูตัวอย่างชื่อแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ กับประเภทธุรกิจดูว่าชื่อของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างไร และเวลาตั้งชื่อลองคิดว่าแบรนด์เราจะเติบโตไป แล้วชื่อที่คุณคิดนี้จะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า
_คิดว่ามีโลโก้ก็มีแบรนด์แล้ว ต้องเรียกว่าเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจแทบจะเกือบทั้งหมดทำ คือพอคิดว่าได้ชื่อแล้ว ก็ดีใจแล้วหานักออกแบบสักคนที่ราคาไม่แพงแล้วออกแบบโลโก้ สุดท้ายก็ดีใจแล้วบอกกับตัวเองว่า โลโก้ฉันดูดี และเอาแต่ถามคำถามว่า โลโก้ฉันสวย ดูดี หรือเปล่า นั่นแหละ คือ “ไม่มีแบรนด์”
ตั้งสติโดย : แบรนด์ต้องมีตัวตน คำว่ามีตัวตนนั่นคือบรรยายได้จริงๆว่าเป็นคนอย่างไร นิสัยอย่างไร พูดอย่างไร ชอบสีอะไร สไตล์ไหน เพราะคนแต่ละคนจะไม่เหมือนกันมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน นั่นแหละคือแบรนด์
เหมือนคำกล่าวที่ว่า “แบรนด์ของเรา คือสิ่งที่คนอื่นพูดถึงคุณเมื่อเราไม่ได้อยู่ด้วย”
Your brand is what other people say about you when you’re not in the room. – Jeff Bezos
>> ใช้สมมุติฐานในแง่ดีเกินไประหว่างการวางแผนธุรกิจ จนไปถึงไม่วางแผนในการทำธุรกิจอย่างจริงจัง เรียกว่าตั้งแต่เรื่องเชื่อความคิดตนเอง เพื่อน และคนในครอบครัวว่าการทำธุรกิจเป็นเรื่องง่าย อาจจะเพราะคิดว่ามีเงินมากสามารถเติมเงินไปได้เรื่อยๆ
ต่อมาเป็นพวกที่คิดว่ามีแผน จนถึงเขียนแผนไว้ แต่ไม่ทำตามแผน เพราะมัวแต่แก้ปัญหาไปวันต่อวัน การไม่เขียนแผน หรือทำตามแผน ทำให้มองไม่เห็นว่าสิ่งไหนควรทำเอง สิ่งไหนควรใช้คนอื่นทำ เราจึงจะเห็นเจ้าของธุรกิจที่ไปมัววุ่นวายกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ทั้งๆ ที่จริงควรจะมาโฟกัสถึงเรื่อง การเติบโตและหากำไรที่เพิ่มขึ้นน่าจะเหมาะสมกว่า พฤติกรรมนี้พบได้บ่อยมากในเจ้าของธุรกิจ SME ขนาดเล็ก
ตั้งสติโดย : ทำแผนธุรกิจที่เป็นลายลักษณ์อักษรเอาให้สั้นกระชับ และยึดแนวทางสิ่งที่วางไว้ ถ้ามีคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาด ก็เขียนใหม่ และถ้ามีผู้ที่ให้คำปรึกษาได้ ก็ควรให้คนมีประสบการณ์ ช่วยวิพากษ์วิจารณ์แผนและไอเดียในการทำธุรกิจที่วางไว้
_กลุ่มเป้าหมายคือทุกคน เนื่องจากเจ้าของธุรกิจมัวแต่คิดว่าอยากขายสินค้าให้ทุกคน ถามว่าผิดหรือไม่ ก็ไม่ผิด แต่เราไม่สามารถคุยกับทุกคน และทำให้ทุกคนพึงพอใจในสินค้าเราได้เท่ากัน ดังนั้นสินค้าของเรารวมทั้งวิธีการทำตลาดของเราก็จะไม่มีจุดเด่น และอาจจะหายไปจากท้องตลาดได้
ตั้งสติโดย : หยุดคิดว่าทุกคนคือลูกค้า กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่ากลุ่มลูกค้าคือใคร หรือคิดว่าคนกลุ่มไหนจะเป็น คนกลุ่มแรกที่ซื้อส้นค้าเรา เขียนออกมาให้ชัดเจน ใช้กลยุทธ์ STP ในการกำหนดได้ยิ่งดี ที่สำคัญอย่าคิดในใจให้ “เขียนออกมา”
>> มีแต่เรื่องสินค้า มีตั้งแต่คิดว่าสินค้าฉันดีที่สุดในโลก และพวกที่กลัวคู่แข่งสุด สุด
_ใช้เวลากับการผลิต จนไม่มีเวลามาทำการตลาด บางครั้งเราก็มัวแต่ห่วงแต่จะผลิตสินค้า ลุ่มหลงการผลิตสินค้าว่าสินค้าดี จนลืมว่าสินค้าดีต้องควบคู่ไปกับ “การขาย + การตลาด” ที่ดี ทำให้บางคนพลาดที่จะสร้าง และบอกจุดเด่นของตนเอง หรือบางคนมัวแต่ผลิตแต่ก็ขายได้เท่าเดิม เพราะมัวแต่ผลิตให้คนเดิมจนลืมที่จะหาลูกค้าใหม่ให้ตัวเองเติบโต
ตั้งสติโดย : การผลิตอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ธุรกิจไปรอด หรือเติบโตได้ ด้องมีการทำตลาดควบคู่กันไป อย่าลืมว่าวันนี้สินค้าเกือบทุกอย่างมีสินค้าทดแทนได้ ดังนั้นเราจะยึดติดกับลูกค้าที่มีอยู่ในมืออย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องหาวิธีเติบโตต่อไป นั่นคือการวางแผนการตลาดนั่นเอง
_ตั้งราคาสินค้าต่ำหรือสูงเกินไป บางคนถึงขั้นเล่นสงครามตัดราคา จนไปถึงยอดขายสูงลิบ…แต่ไม่มีกำไร
มีเจ้าของธุรกิจจำนวนมากกลัวจะขายสินค้าตัวเองไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่คิดได้อย่างแรกคือ ไม่ขายแพง ขายให้ถูกกว่าคู่แข่ง โดยคิดแค่ว่าขายของให้สูงกว่าวัตถุดิบนั้นก็เท่ากับกำไรแล้ว คิดต้นทุนที่จริงไม่ครบ ทำให้เมื่อทำขายเท่าไรได้เท่าไรก็ไม่มีกำไร
พวกที่ตั้งราคาสินค้าต่ำไว้ก่อน จนทำให้สินค้าดูไม่มีคุณค่า สุดท้ายกลุ่มเป้าหมายก็อาจจะไม่ซื้อเพราะไม่เชื่อในคุณภาพ
อีกพวกก็เป็นพวกที่ต้องการให้สินค้าดูมีคุณค่ากว่าคู่แข่งก็เลือกตั้งราคาสูงไว้ก่อน จนบางครั้งราคาที่ตั้งนั้นอาจสูงจนไม่มีใครกล้าซื้อ
ตั้งสติโดย : ทำลิสต์ว่าต้องมีต้นทุนอะไรบ้าง และนำต้นทุนนั้นมาคิดอย่างครบถ้วน มีทั้งต้นทุนทางตรงและต้นทุนทางอ้อม ต้นทุนทางตรงก็เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าเครื่องจักร ฯลฯ ส่วนต้นทุนทางอ้อม ก็เช่น ค่าเช่าสำนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น เมื่อได้ราคาที่ควรได้แล้วค่อยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการขับเคลื่อนให้เกิดการขายขึ้น
>> ทำทุกอย่างด้วยตนเองเพื่อประหยัดเงิน หรือบางคนก็คิดว่าเป็น ONE MAN SHOW…NO Stand-in
ส่วนใหญ่ที่เจ้าของธุรกิจเลือกทำทุกอย่างเองเพราะต้องการประหยัด เป็นเรื่องที่ไม่ผิด แต่ต้องหาวิธีที่จะทำให้ดี ในขณะที่บางคนก็ไม่ยอที่จะหาคนช่วยเพราะคิดว่าไม่มีใครทำแทนได้ รวมทั้งบางคนไม่สามารถหาใครหรือปั้นใคมาช่วยคุณได้ สุดท้าย ตัวคุณเองก็จะไม่สามารถทำธุรกิจได้อย่างเต็มความสามารถ เพราะต้องวิ่งวุ่นทำสารพัดสิ่งเพียงคนเดียว
ตั้งสติโดย : ไม่มีใครเดินเพียงคนเดียวได้ ธุรกิจก็เช่นกัน ควรปั้นตัวแทน มือซ้าย มือขวานำมาสอนงาน ให้ทำแทนคุณได้ หากยังหาไม่ไดต้องเริ่มต้นจากการจัดสรรเวลาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และควรต้องมองหาเครื่องทุ่นแรงมาช่วยแทนได้ เช่น ระบบต่างๆ ที่ มาช่วย
>> สารพัดจัดการเรื่องของเงิน บางรายถึงขั้นไร้แบบแผน
_ใช้เงินทุนในการทำธุรกิจ แบบเทหมดหน้าตัก โดยไม่มีการวางแผน จนลืมเรื่องเงินสดสำรอง หลายคนพยายามจะนำเงินก้อนทั้งหมดที่มี ที่สะสมมาอย่างยากลำบากมาใช้โดย “ไม่วางแผน” นั้นเลย มีทั้งมั่นใจ หรือคิดว่าไม่มีทางเลือก เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่ธุรกิจเกิดผิดพลาด บางคนก็ใช้บริการสินเชื่ออเนกประสงค์ และการกดเงินสดจากบัตรเครดิต โดยยอมแบกรับกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินความคุ้มค่าระหว่างดอกเบี้ย กับกำไรของธุรกิจ แบบไร้เหตุผล เอาความง่ายเป็นหลักจนทำให้ ดอกเบี้ยเอากำไรไปกินหมด
_เข้าใจผิดว่า “เงินในธุรกิจ” และ “เงินส่วนตัว” คือกระเป๋าเดียวกัน เจ้าของธุรกิจมักชอบคิดว่าเงินในลิ้นชักเป็นเงินของตัวเองทั้งหมด โดยเฉพาะเจ้าเล็กๆ เมื่อต้องการใช้เงินส่วนตัว มักจะเอาเงินจากลิ้นชักมาใช้ทันที โดยไม่ได้จดค่าใช้จ่ายไว้ ทำให้เกิดความสับสน บางครั้งจนถึงขั้นไม่มีเงินไปซื้อของเพื่อผลิตต่อเพราะเอาทุนไปใช้ก็มี นั่นคือการขาดวินัยทางการเงินในเรื่องพื้นฐาน
ตั้งสติโดย : โดยเริ่มต้นจากการลงทุนว่าควรเริ่มต้นจากอะไร คิดให้ใหญ่ แต่แบ่งส่วนที่ใหญ่ให้เป็นส่วนเล็กๆ และเริ่มต้นจากเล็กไปใหญ่ รวมทั้งควรต้องมีการเตรียมเงินสำรองไว้ยามวิกฤต รวมทั้งการทำบัญชีเบื้องต้นยังเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดว่าอะไรคือรายรับ และอะไรคือรายจ่าย และอะไรคือค่าแรงที่เราสามารถนำไปใช้ได้
>> เปลี่ยนแปลงยาก ไม่พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ
มีเจ้าของธุรกิจจำนวนมากทีเดียวที่พอเริ่มทำธุรกิจไปแล้วเคยชินกับวิธีเดิมๆ เพราะกลัวว่าเปลี่ยนแล้วจะมีปัญหาที่ไม่รู้จักเกิดขึ้น และเข้าใจว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้นดีอยู่แล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะสามารถประคองธุรกิจไปได้ แต่ในยุคนี้ที่การเปลี่ยนแปลงนั้นเร็วมาก
ตั้งสติโดย : ดูรอบตัวว่าคู่แข่งเราทำอะไร ดูสิ่งที่เดินหน้าไม่ใช่อะไรที่อยู่กับที่ เช่น ไปงานแฟร์ต่าง เปิดรับข่าวสาร และยอมรับความจริงที่ว่าโลกกำลังเดินหน้าไป เพราะ “การเปลี่ยนแปลง = การเติบโต”
>> คิดว่า Online คือทุกสิ่งทุกอย่าง ในขณะที่บางคนก็คิดว่า Online ไร้สาระ
วันนี้เจ้าของธุรกิจจำนวนมากใช้ช่องทาง Online ในการสื่อสาร และเป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า ต้องยอมรับความจริงอย่างนึงว่าธุรกิจบนโลกOnline เป็นความจำเป็นที่ต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ แต่ทำยังไงให้ประสบความสำเร็จต่างหากที่สำคัญ
ตั้งสติโดย : การใช้ Online ต้องใช้อย่างมีสติ ต้องเลือกสรรการใช้ Platform ที่เข้ากันกับสินค้า และกลุ่มเป้าหมายให้ดี สูตรสำเร็จไม่มีในโลก คุณต้องสามารถสร้างสูตรของคุณเอง หากลุ่มเป้าหมายให้เจอ และสร้างแบรนด์ของตนเองไม่ใช่สร้างโลกแบบคนอื่น ต้องมีตัวตนที่เป็นคุณเอง
The Bottom Line
การทำธุรกิจไม่ว่าจะเพื่อให้รอดได้อย่างไร หรือจะให้ได้อย่างไร สำหรับ SME ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ แต่ก็อย่าลืมความลุ่มหลงในสิ่งที่ธุรกิจของเรา – Passion in heart, Professional in Performance – เพราะการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไม่ได้ทำเพียงชั่วข้ามคืน กว่าธุรกิจจะตั้งตัว จนเติบโต และแข็งแกร่งได้ ต้องทำงานหนัก ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ อย่างมีสติ และมีแบบแผน เพื่อให้เกิดปัญหาให้น้อยที่สุด
ที่สำคัญเจ้าของแบรนด์ควรต้องระลึกไว้อยู่เสมอ คือ “การตลาดที่ยอดเยี่ยมไม่ได้เกิดขึ้นจากความโชคดีล้วนๆ”
FROm :
Great marketing doesn’t happen by pure luck. – toggl.com –
ต้องการคำปรึกษา หรือมีคำถาม ติดต่อที่ Comment, Messenger หรือ E-mail : 527may27@gmail.com ได้เลยนะคะ
#527 #brandnode #marketing #research #SME #brand #branding #consultant #knowledge #rebrand #marketing #consumerinsight #แบรนด์ #วิจัย #การตลาด #การสร้างธุรกิจ