4P’s เป็นรูปแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประโยชน์ในการเริ่มต้น แม้ว่ากลยุทธ์นี้มีอยู่มานานแล้ว แต่สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญในการวางกลยุทธ์ขององค์ประกอบทั้ง 4 ส่วนต้องมีความสอดคล้องเกื้อหนุนกัน และถูกออกแบบให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ามากที่สุด
องค์ประกอบแรกที่แป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในทั้ง 4 P ถ้าไม่มี P หรือไม่ดีพอแทบจะเรียกว่าจบ เคยมีคนดังกล่าวว่า “ทุกสิ่งทุกทุกอย่างจะเริ่มต้นจากสินค้าที่ยอดเยี่ยม”
My philosophy is that everything starts with a great product – Steve Jobs –
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Quote-แนวนอน-10-1024x511.jpg)
P ที่ 1 นี้ก็คือ คือ PRODUCT เป็นเรื่องสินค้า Goods และบริการ Service
ในส่วนสินค้าแบ่งออกเป็น สินค้าประเภท “จับต้องได้” และ “จับต้องไม่ได้” สำหรับการบริการนั้นแบ่งออกเป็น บริการแบบ “มีส่วนร่วม” และ “ไม่มีส่วนร่วม” ดังนั้นสินค้า และบริการจึงนับได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง
โดยต้องมีคุณลักษณะสำคัญ คือ คุณภาพ (Quality) และคุณภาพนั้นยังมีความหมายรวมถึง ความเหมาะสมในการใช้งาน การออกแบบ และคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อีกด้วย นอกจากนี้คุณภาพยังสะท้อนไปถึงภาพลักษณ์ของธุรกิจ หรือแบรนด์ ที่ดีด้วยเช่นกัน
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/หัวเรื่อง-แนวนอน-9-1024x515.jpg)
และ “PRODUCT” ที่ดีจะตอบสนองความต้องการของคนซื้อ หรือกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่ผลิตอะไรก็ได้ ดังคำที่ว่า “อย่าไล่ตามหาลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณ ดีกว่าที่จะหาผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการ”
Don’t find the customers for your product, find products for your customers. – Seth Godin
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Quote-1-5-1022x1024.jpg)
และ “PRODUCT” ที่ดีต้องทำในสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังให้ทำ โดยการบรรลุเป้าหมายซึ่งเป็นข้อกำหนดที่น้อยที่สุดที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จในระยะยาวของแบรนด์
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Story-1-7-1024x1021.jpg)
ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย จะเป็นการระบุ คุณสมบัติ (Features) และ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้สินค้า (Benefits) อะไรบ้างและอาจจะรวมไปถึงการกำหนด Branding ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้จำเป็นต้องพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
- คุณภาพของสินค้า เช่น ด้านความเหมาะสมในการใช้งาน การออกแบบ ความคงทน ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดที่ทุก Product ต้องมี
- จุดเด่นหรือความแตกต่างที่สำคัญของสินค้า (Unique Selling Point / Differentiation)
- Branding ในสิ่งที่เราเป็น และพยายามจะสื่อสารสิ่งที่เราเป็นนี้ไปยังผู้บริโภค
- รูปลักษณ์ คุณสมบัติ ของสินค้าและบริการขององค์กร เป็นต้น
อย่าลืมก่อนที่จะวิเคราะห์ในแง่มุมของสินค้า ต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายก่อนว่าคือใคร เพราะคุณไม่ได้ทำสินค้าเพื่อทุกคน เหมือนคำที่กล่าวว่า “ทุกคนไม่ใช่ลูกค้าของคุณ” Everyone is not your customer – Seth Godin –
ดังนั้นในการวิเคราะห์สินค้าคุณต้องกำหนดกลุ่มลูกค้าของคุณก่อน และทำความพึงดอใจในกลุ่มเป้าหมายก่อนเท่านั้น
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Story-2-6-1024x1022.jpg)
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของ “PRODUCT – สินค้า และบริการ” จะนำเสนอไปกับ “BRAND” ให้กับลูกค้า คือจะต้องตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหา (Pain Point) ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ดังคำที่ว่า“อย่าส่งมอบแค่สินค้า แต่ควรต้องส่งมอบประสบการณ์”
Don’t deliver a product. Deliver an experience. – Anonymous –
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Quote-2-4-1024x1024.jpg)
ดังนั้นการวางแนวตลาดเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่จัดลำดับความสำคัญในการระบุความต้องการและความปรารถนาของผู้บริโภคและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองพวกเขา
กลยุทธ์ในเรื่องสินค้าและบริการ – Product Strategy –
Differentiating Strategy (and positioning new products) – การสร้างความแตกต่าง คือ การเน้นคุณสมบัติและประโยชน์ใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งการวางผลิตภัณฑ์ การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งการเพิ่มบริการหรือสินค้าใหม่ ๆ
“การสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า (Differentiate) เป็นช่องทางที่สามารถเอาชนะสินค้าอื่นๆได้ เพราะลูกค้าก็สามารถจดจำเราได้ด้วยความโดดเด่นของเราเอง”
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Story-3-3-1024x1021.jpg)
“PRODUCT” ในยุคใหม่นี้ “แทนที่จะมุ่งเน้นแค่ผลิตภัณฑ์ให้มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์”
Instead of product, focus on the solution. -Anonymous –
คือ การสื่อสารกับลูกค้าวันนี้แทนที่จะเน้นในเรื่อง ฟีเจอร์เจ๋ง ๆ หรือเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง ให้หันมาสนใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร
ในการทำการตลาดยุคนี้ การบอกกล่าวแค่สินค้ามีคุณสมบัติอย่างไรนั้นไม่เพียงพอ แต่คุณต้องบอกเล่าว่าคุณจะได้รับประสบการณ์อะไรที่ได้ใช้ในสินค้ามากกว่า โดยเน้นในเรื่อง “คุณค่า” ของสินค้า
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Story-4-3-1024x1024.jpg)
หลักการในการวิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์ในเรื่อง “PRODUCT” ต้องคำนึงถึง
1.การสร้างสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าจะ “พึงพอใจ”
2. สินค้าหรือบริการที่มี “จุดขายที่แตกต่าง” (unique selling point / differentiate) เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
3. สินค้าหรือบริการที่ช่วยตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าให้ได้
4. ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อ “PRODUCT” เช่น การออกแบบ เทคโนโลยี ประโยชน์ ความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย คุณภาพ การรับประกัน แบรนด์ และ บรรจุภัณฑ์ ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเรามากที่สุดได
5. “คุณค่า” อะไรที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายต้องการ “PRODUCT” ของเรา
ตัวอย่างคำถามที่ใช้ประเมิน “PRODUCT” เพื่อที่ใช้พัฒนากลยุทธ์ หรือแนวคิดของ “PRODUCT”
_ ลูกค้าต้องการอะไรจากสินค้า / บริการ? ตอบสนองความต้องการอะไร?
_ มีคุณสมบัติอะไรบ้างที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเหล่านี้?
_ มีคุณสมบัติใดบ้างที่คุณพลาดไป?
_ คุณสมบัติอะไร มี่ลูกค้ารู้สึกว่ามีราคาแต่ไม่ได้ใช้หรือไม่?
_ ลูกค้าจะนำไปใช้อย่างไรและที่ไหน?
_ มันดูเหมือนอะไร? ลูกค้าได้ประสบการณ์อะไรเมื่อใช้?
_ ขนาด สีและอื่น ๆ ควรเป็นอย่างไร?
_ จะเรียกว่าชื่อสินค้าว่าอะไร มีตราสินค้าหรือยัง?
_ แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร?
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Story-Finish-1024x1017.jpg)
ถ้าตลาดอยู่ในภาวะดีๆ “PRODUCT” จะถูกให้ความสำคัญมากที่สุด ซึ่งจะเน้นที่ตัว Product เพื่อที่จะสามารถผลิตสินค้าได้ออกมาได้เพียงพอกับความต้องการของตลาด
ในภาวะวิกฤต จะต้องมีการทบทวนกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับ “PRODUCT” ดังนี้
_สร้างสมดุลระหว่างความต้องการในระยะสั้นและระยะยาว เป็นความท้าทายเร่งด่วนที่สุดของการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ซึ่งบีบบังคับจากการหยุดชะงักของภาวะวิกฤตดังกล่าว
_หา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ใดที่เราสามารถนำไปใช้เพื่อตอบสนองลูกค้าและชุมชนของเราได้ดีที่สุด โดยไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งที่เราสามารถมีส่วนร่วมได้ในระยะยาว
_มุ่งเน้นไปที่ “สินค้าจำเป็น” และลดภาระห่วงโซ่อุปทานรวมทั้งจัดสรรทรัพยากรการผลิตบางส่วนเพื่อส่งมอบสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวิกฤต
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้อย่างกะทันหันจะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์เช่นกัน
_ กลับมาดูว่า “คุณค่าของสินค้าหลัก” ตอบโจทย์ได้จริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะผู้บริโภคจะซื้อสินค้าที่เป็นแบรนด์น้อยลง การเปลี่ยนแบรนด์จะเกิดขึ้นได้ง่าย หากไม่ได้มี “คุณค่า” จริงๆ และเป็นเหตุผลว่าแบรนด์ต้องกลับมาดูว่าขายอะไรให้กับลูกค้า มีคุณค่าและตอบโจทย์ได้มากน้อยแค่ไหน
![](https://527talk.com/wp-content/uploads/2020/10/Story-5-1-1024x1024.jpg)
ต้องการคำปรึกษา หรือมีคำถาม ติดต่อที่ Comment, Messenger หรือ E-mail : 527may27@gmail.com ได้เลยนะคะ
#527 #brandnode #marketing #research #SME #brand #branding #consultant #knowledge #rebrand #marketing #consumerinsight #แบรนด์ #วิจัย #การตลาด #การสร้างธุรกิจ